ตั้งแต่ห้าหกปีก่อน นึกไปถึงวันที่ผมไปซื้อ EPL1 มาเป็นกล้อง mirrorless ตัวแรกของผม
ผมก็เดินบนเส้นทางสาย mirrorless มาตลอด ไม่เคยกลับไปใช้ DSLR อีกเลย
เพราะว่ากล้อง mirrorless นี่ ทั้งขนาด หน้าตา การใช้งาน มันเหมาะกับ แนวทางการใช้ชีวิต และวิธีการทำภาพของผม
ผมก็เลยอยู่กับ mirrorless มาตลอดหนะครับ
และในที่สุด กล้องในตระกูล EPL ก็มาถึง generation ที่ 7 แล้ว คือน้อง EPL8 คนนี้หละ
(ที่เป็น generation ที่ 7 เพราะญี่ปุ่นเค้านับ 1 2 3 5 6 7 8 ข้ามเลข 4 ไป เพราะเค้าถือว่าเลข 4 ไม่เป็นมงคล)
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมั่งถ้าจะให้ผมให้คำจำกัดความของ EPL8
ในความรู้สึกของผม EPL8 ก็คือ EPL7 ที่ olympus นำไปปรับโฉม แต่งหน้าทาปากใหม่ ให้สวยงามดูดีขึ้น
เพิ่มฟังชั่น เพื่อให้ออกมาโดนใจลูกค้าสาวๆมากขึ้นหละครับ
เค้าเพิ่มโหมด selfie ที่พอพลิกหน้าจอกลับมาปุ๊บ กล้องตัวนี้ก็กลายเป็นเครื่องจักร selfie ที่ใช้งานได้สะดวกมากทันที
ขนาดผู้ชายหน้าตาโหดๆอย่างผม ได้ลองใช้ดูแล้ว รู้สึกว่าเฮ่ย มันเวิร์คแฮะ เผลอกดถ่ายหน้าตัวเองมาตั้งหลายรูป
การจะเอาใจสาวๆได้ ก็ต้องเนี้ยบ รูปทรงต้องสวย ต้องดูดี น่าจับ น่าใช้งาน
EPL8 เลยมาพร้อมกับบอดี้ใหม่ ที่มาแบบ retro vintage เน้นสีเงิน ขลิบลายหนัง และก็สายคล้องคอหนัง
บอดี้มีสามสี ขาว ดำ น้ำตาล
ที่เห็นปุ๊บ ต้องนึกหน้าเจ้าของออกเลย ว่ากล้องสีขาว เจ้าของน่าจะหน้าตาโทนมุ้งมิ้งแบบนี้
กล้องสีน้ำตาล เจ้าของจะออกแนวๆอาร์ตๆติสๆ เซอร์ๆ
และกล้องสีเงินดำ เจ้าของจะมีสไตล์เข้มๆ ขรึม
เหมือนในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์ ที่คนนี้ต้องอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ คนนี้อยู่บ้านนู้น ยังไงยังงั้นเลย
กล้องที่เค้าให้ผมยืมมา ก็คงเห็นว่าผมหน้าตาเป็นผู้ชายๆแท้ๆ หน้าโหดๆหน่อย เค้าเลยให้สีดำมายืม แฮ่ๆ
ยืมรูป สีต่างๆของเค้ามาแปะให้ดูละกันครับ
นอกจากบอดี้ ออกแนวเรโทร ยังไม่พอ
อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหนัง case หนัง
ก็ดูดีเอาในสาวๆมากๆ ตอนผมนั่งอยู่ในงานเปิดตัว พอเค้าเปิดรูป case หนังออกมานี่
ได้ยินเสียงน้องๆผู้หญิงที่นั่งข้างหลัง ซู้ดปาก บ่นกับคนข้างๆว่าอูย สวยว่ะแก
จะสวยไม่สวย ก็ตัดสินกันเอาเองนะครับ ยืมรูปเค้ามาอีกละ
มาดูงานบอดี้กันครับ โดนรวมแล้ว โครงสร้างหลักๆของ EPL8 ยังอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ EPL7 ทุกปุ่ม ทุกอย่าง
เรียกได้ว่า ยกเค้าโครงมาจาก EPL7 หมดเลย
แต่หน้าตาโดยรวม งานประกอบ ดูแล้ว หรูหรา ดูดีขึ้นพอสมควรเลยครับ
ลองใส่ช่องมองภาพ VF1
แล้วก็แปะสติกเกอร์ตัว F ประจำตระกูลเข้าไป
เสริมหล่อเข้าไปได้อีก
ทดลอง ความไวโฟกัส ก็ไวสายฟ้าฟาด แตะปุ๊บลั่นปั๊บ ตามมาตรฐานของกล้องค่าย micro 4/3 นี่หละครับ ไวกันทั้งค่าย
ซึ่งกล้องค่ายนี่ น่าจะโฟกัสไวที่สุดในบรรดากล้อง mirrorless ทั้งหลายทั้งปวงแล้ว
ต่อมา ก็เอากล้องมาทดลองกันครับ
กล้องค่าย olympus เนี่ย มันมีลูกเล่นเยอะมากๆ
ใช้กันไม่หวาดไม่ไหว
ขนาดผมเอาไปถ่ายรูปมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว
เมื่อคืนก่อน จะเริ่มเขียนรีวิว อ่านๆคู่มือดู แล้วก็ยังพบว่า เฮ้ย ลืมถ่ายมาอีกสองสามหัวข้อ
เลยต้องเอากลับไปถ่ายมาเพิ่มเติมอีก
สิ่งแรกที่ทำตอนผมได้กล้อง olympus มา
คือผมจะปิดเจ้าตัว keep warm color AWB ก่อนครับ
คือว่า เมนูเนี้ย กล้องจะพยายามรักษาโทนสีเหลืองของแสงในภาพเอาไว้ ให้ภาพดูอบอุ่น
เมืองฝรั่ง หรือเมืองหนาว จะชอบกันมาก เพราะภาพดูแล้วอบอุ่น
แต่พอมาอยู่เมืองไทยที่เป็นเมืองร้อนอยู่แล้ว เลยไม่ต้องการโทนอบอุ่นมาก
และผิวสีคนไทย ก็ออกเหลืองอยู่เป็นปกติ เวลาถ่ายก็อยากให้หน้าออกมาขาวๆมากกว่า
ก็เลยไม่ค่อยถูกใจคนไทยหนะครับ เพราะถ่ายออกมาแล้ว หน้าจะติดโทนสีเหลืองๆ
ก็เลยปิดไปก่อน
เพราะสาวๆจะบ่นว่า olympus ถ่ายมาแล้วหน้าเหลือง
มันเป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ใครจะปิดก็ได้ จะเปิดก็ได้ ไม่มีผิดมีถูก
ใครอยากรักษาโทนอบอุ่นไว้ ก็เปิดทิ้งไว้ได้ครับ
แต่สำหรับผม ก่อนเอากล้องมาใช้นี่ ผมปิดก่อนเลยครับ
มาดูเรื่องคุณภาพไฟล์ การบริหารจัดการ noise เวลา เร่ง iso ขึ้นไปสูงๆครับ
แหล่งกำเนิดแสง เป็นเทียนไข 1 แท่ง
ถ่ายที่
iso 6400
iso 12800
iso 25600
จากสตูดิโอ ในห้องครัว ก็ย้ายมาถ่ายนอกบ้านมั่ง
ผมก็ไม่ได้ลองเอา EPL8 ไปถ่ายเทียบกับ EPL7 นะครับ
เพราะมีแต่ EPL8 อยู่ในมือ
แต่รู้สึกว่าการบริหารจัดการ noise ของ EPL8 มันดีขึ้นแบบพอรู้สึกได้
ลองเอาไปถ่ายทางช้างเผือก ถ่ายดาว หรือดันไปที่ iso 6400 หรือมากกว่านั้น
ก็ยังรู้สึกว่าภาพมันไม่เป็นวุ้นเละเทะ รายละเอียดต่างๆของภาพ โดยรวมก็ยังอยู่ดีครับ
แบบว่า เมื่อก่อนจะใช้ iso 3200 ก็ยังแหยงๆ
แต่ตอนนี้ ผมตั้ง Auto iso high limit ไว้ที่ 6400 เลย
บางวัน ก็ตั้งไว้ที่ iso 10000 แล้วก็กดๆไปเลย
ย่อรูป แล้วก็โพสลงกระทู้ pantip ได้สบายๆ เนียนๆหนะครับ
ลองถ่ายพระประธาน ในวิหารที่ปิดหน้าต่างไว้หมด แสงน้อยอยู่ครับ
ถ่ายดาว ในที่มืดสนิท
ถ่ายในห้องกินข้าว ในบ้าน
ถ่ายในร้านข้าวต้ม ตอนกลางคืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น