วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561

[CR]+=+ รีวิว iPhone X แบบไทยไทย


สวัสดีมิตรรักแฟนรีวิวทุกท่าน ผ่านมาแล้ว 2 วันกับการใช้งาน iPhone X เป็นเครื่องหลักของอุ้ม และมีหลายอย่างอยากจะมาเล่าให้ทุกคนฟัง ผ่านรีวิว iPhone X สวัสดีอนาคตที่สดใส?! จะสดใส สดสวยจริงๆ รึเปล่า ไปเริ่มกันเลยค่ะ

*บทความนี้ เขียนขึ้นจากการใช้งานของอุ้มเอง และเป็นความคิดเห็นส่วนตัวสุดๆ ถ้าไม่ตรงกับความคิดใคร ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ รบกวนไม่ก่อกวน ด่าทอ หรือตีกันนะคะ ถือว่าอุ้มขอ 555*

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กลายเป็นชื่อเล่นของ iPhone X ไปซะแล้ว กับเอกลักษณ์อันโดดเด่น ที่มากับหน้าจอแหว่งนิดๆ ซึ่งตอนที่อุ้มได้รับเครื่องมา สิ่งที่อยากดูมากที่สุด คือจอนั่นแหละค่ะ ว่าจอ 5.8 นิ้ว บนเครื่องขนาดใหญ่กว่า iPhone 7 นิดนึง จะเป็นยังไงบ้าง ผลปรากฎว่า แจ่มมม



เพราะด้านหน้าทั้งหมด ก็คือหน้าจอนั่นเอง ตีเป็น 82.9% ของตัวเครื่อง เวลาเรามอง เราก็จะเห็นหน้าจอตั้งแต่บนสุด จนถึงด้านล่างสุด ไม่มีปุ่มโฮม ไม่มี Navigation Bar ส่วนตัวอุ้มเองเลยชอบมากๆ ล้ำที่สุดตั้งแต่ใช้สมาร์ทโฟนมา (เหมือนตอนที่เปลี่ยนจากมือถือปุ่มกด มาเป็น Touchscreen ยุคแรกๆ) ไม่รู้จะอธิบายยังไง ให้ภาพเล่าให้ฟังละกันนะคะ


ส่วนที่แหว่งลงมาด้านบน คือพื้นที่ของกล้องหน้า TrueDepth ลำโพง และเซนเซอร์อีกมากมาย และอย่าเพิ่งตัดสินจากการดูภาพ หรือดูวิดีโอ ให้ตัดสินจากการมาจับและเล่นเอง ถึงจะตอบได้ว่า ส่วนที่แหว่งตรงนี้ เป็นปัญหาชีวิต หรือไม่?

หน้าจอ Super Retina HD ขนาด 5.8 นิ้ว เต็มตาสวยงาม ใช้จอ OLED จาก Samsung ถามว่ากังวลเรื่องจอเบิร์นมั้ย ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ถ้าเป็นจอจาก LG จะเครียดกว่า 555 โดยหน้าจอของ iPhone X จะสุดขอบ ให้สีสันที่สดใสสวยงาม


ส่วนด้านขวาของตัวเครื่อง จะมาพร้อมปุ่ม Power อันใหม่ ใหญ่ขึ้นมาก เพราะจะมีหน้าที่สำคัญอีกมากมาย และที่ใส่นาโนซิม ส่วนด้านซ้าย ยังคงปุ่ม Mute และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และด้าล่าง มากับรูเสียบ Lightning และลำโพง


และด้านหลัง ที่มากับกล่องคู่แนวตั้งตัวใหม่ รวมทั้งวัสดุเป็นแบบกระจก มีให้เลือก 2 สี คือสี Space Grey และสี Silver โดยเครื่องของอุ้มจะเป็นสี Space Grey สีจริงๆ จะไม่ดำเท่า Jet Black นะคะ


ขนาดในมือ ใหญ่กว่า iPhone 7 แต่เล็กกว่า iPhone 7 Plus แต่จอใหญ่กว่า iPhone 7 Plus เช่นเดียวกัน หนักประมาณ 174 กรัม ถือมือเดียว กำลังพอดี โดยเฉพาะคนมือเล็กๆ แต่ชอบจอใหญ่ๆ น่าจะสบายมือ และสบายหลังมากขึ้น






สวัสดี การควบคุมแบบใหม่
 


ต่อจากความตื่นเต้นเรื่องหน้าจอ เมื่อเปิดเครื่องปุ๊ป แน่นอนว่าจะต้องพบกับความมึนงงในการควบคุม เรียกได้ว่าต้องเรียนรู้ใหม่เกือบหมด เพราะนี่จะเป็นครั้งแรก ที่ iPhone ไม่มีปุ่ม Home

เราจะควบคุม iPhone X ด้วยการขยับนิ้ว (Swipe) ขอยกตัวอย่างง่ายๆดังนี้

- เมื่อเราเปิดแอพ แล้วต้องการกลับสู่หน้าโฮม ให้เราขยับนิ้วจากล่างสุดขึ้นมาตรงกลาง [เดิม กดปุ่มโฮม 1 ครั้ง]

- หากต้องการดูแอพที่เปิดค้างอยู่ ให้เลื่อนนิ้วจากด้านล่างมาตรงกลางแล้วค้างไว้จนเครื่องสั่น [เดิม กดปุ่มโฮม 2 ครั้ง]

- หากเราเปิดแอพใดอยู่ และต้องการดูแอพอื่นๆที่ค้างไว้แบบง่ายๆ ให้ขยับนิ้วด้านล่างหน้าจอ ไปทางซ้าย หรือขวา

- หากต้องการเข้าสู่ Control Center ให้เลื่อนนิ้วจากด้านขวาบนลงมา


- หากต้องการเข้าสู่ Notification Center ให้เลื่อนนิ้วจากด้านซ้ายบนลงมา


- การ Capture หน้าจอ ให้กดปุ่ม Power พร้อมกับ ปุ่มเพิ่มเสียงสั้นๆ

- การปิดเครื่อง ให้กดปุ่ม Power พร้อมกับ ปุ่มเพิ่มเสียง ค้างไว้

- เรียก Siri ง่ายๆ ด้วยการกดปุ่ม Power ค้างไว้

สำหรับใครที่กังวล และยังอยากใช้ปุ่มโฮมเสมือน (Assistive Touch) ยังเลือกเปิดใช้งานได้เหมือนเดิม ส่วย 3D Touch ก็ยังอยู่เหมือนเดิม เช่นเดียวกันนะคะ


ถ้าถามอุ้มว่า ใช้งานจริงๆ งงมั้ย ก็เป็นการถูกดีไซน์การขยับนิ้วไว้อย่างธรรมชาติ พอคุ้นแล้ว ก็จะใช้ได้เองโดยไม่ต้องนึก จะว่าไป ไม่ต้องมีปุ่มโฮมเลยก็ใช้ได้นะ 555



สวัสดี FACE ID [Twin Test]

ทีเด็ดของ iPhone X ที่ลุงทิมเค้าอวดบนเวที คือการสแกนใบหน้า ซึ่งเราจะสามารถสแกนได้ 1 หน้า ต่อ 1 ครั้ง หากเราไปทำศัลยกรรมมาใหม่ หรือเปลี่ยนเจ้าของ ก็สแกนใหม่ได้ตลอดเวลาเช่นกัน


ตั้งแต่ใช้งานมา 2 วัน ก็สามารถสแกนเข้าได้โดยไร้ปัญหานะคะ และรวดเร็วมากๆ ส่วนตัวชอบกว่าการสแกนลายนิ้วมือ โดยทดสอบกับหลายๆสภาพแสง ก็เข้าได้ปกติ รวมทั้งในที่มืด เช่นตอนขับรถกลางคืน ก็เข้าได้เช่นเดียวกัน เว้นแต่ว่าที่มืดจริงๆ อาจจะต้องใช้การกดรหัสแทนไปก่อน เว้นแต่ว่า … เจอแฝด

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อุ้มได้นำ iPhone X มาทดสอบ Face ID กับแฝด 2 คู่ ผลปรากฎว่า สามารถสแกนหน้าแทนกันได้เลยทันที ขนาดให้แฝดคนแรก เล่นอยู่นาน จนคิดว่า Machine Learning แล้ว ก็ยังไม่รอดค่ะ Face ID ยังคิดว่าเป็นคนเดียวกัน เข้าได้ผ่านฉลุย

แต่ทาง Apple เอง ก็ได้บอกไว้ตั้งแต่งานเปิดตัวนะคะ ว่าแฝดอาจจะเป็นปัญหาเดียว ณ ตอนนี้ ที่ทำให้ Face ID ผิดพลาด ก็ต้องลองกันต่อไป


หลายคนแอบสงสัยว่า ทำไมหลังจากสแกนหน้าผ่านแล้ว ไม่ยอมวิ่งเข้าสู่หน้าโฮมเลย ต้องใช้นิ้วเลื่อนจากล่างขึ้นบนอีกรอบ คำตอบอาจจะเป็นเรื่องของการแอบดู Notifications ได้ โดยไม่ต้องเข้าสู่หน้าโฮม ยกตัวอย่างเช่น ในหน้า Lock Screen มีคนส่ง LINE หาอุ้ม จะขึ้นคำว่า Notifications แต่เมื่อสแกนใบหน้า จากคำว่า Notifications จะเปลี่ยนเป็นข้อความนั้นๆทันที อันนี้ถือว่าทำได้ดีทีเดียว







สวัสดี Animoji
 


ถ้าอยากรู้ว่าความสามารถที่แท้จริงของกล้อง TrueDepth ด้านหน้า วิเคราะห์ได้ละเอียดขนาดไหน คงจะต้องดูที่ Animoji นี่เองค่ะ ลองนึกภาพ Emoji ขยับหน้า ขยับปากตามเรา วันนี้มันมีแล้วบน iPhone X


เริ่มจากการเข้าที่ iMessage แล้วเลือก Animoji ที่ต้องการ หลังจากนั้นกล้อง TrueDepth จะจับที่หน้าของเรา และทำให้ตัวการ์ตูนเหล่านั้น ขยับตามเราด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นจะส่งให้เพื่อน หรือเซฟเป็นไฟล์วิดีโอ ไปโพสที่ไหน ก็ทำได้ สนุกแท้ 555






สวัสดี กล้องคู่แนวตั้ง
 



ใน iPhone X ก็เป็นครั้งแรก ที่ Apple ใส่กล้องคู่แนวตั้งมาให้ (ด้วยเหตุผลอะไรหว่า) โดยกล้องทั้งสองตัว จะมีความละเอียด 12 MP มี OIS ทั้งคู่ ในโหมด Portrait หน้าชัดหลังเบลอ ก็ทำได้ดีขึ้นนะคะ ถ่ายคนง่ายขึ้น ถ่ายวัตถุ อาจจะกะระยะยากหน่อย และสามารถปรับแสงถ่ายภาพบุคคล ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า สวยไม่สวย ไปชมตัวอย่างภาพกันได้เลยค่ะ

แสงปกติ


เพิ่มเติมที่ http://www.iaumreview.com/iphone-x-review/                                                
                                                    
แสงน้อย

                                                    
เพิ่มเติมที่ http://www.iaumreview.com/iphone-x-review/                                                         
                                                    
                                                    
กล้องหน้า


บทความจาก http://www.iaumreview.com/iphone-x-review/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น